ลองดูคับ. นายใบกับครอบครัวประกอบอาชีพทำนาในเนื้อที่ 3 ไร่ และยังเลี้ยงปลาในนาข้าวนั้นควบคู่ไปด้วย นอกจากนี้นายใบปลูกกระต๊อบไว้ในที่ปลายนาเพื่อผักผ่อนและเก็บเครื่องสูบน้ำกับเครื่องมือทำนาไว้ ก่อนเกิดเหตุเคยมีคนร้ายลักทรัพย์ดังกล่าวไป เพื่อนบ้านก็ประสบเหตุเดียวกัน ทั้งขณะนั้นข้าวเปลือกก็มีราคาสูงมาก ต่อมานายใบต้องเดินทางเข้ากรุงเทพมหานครเพื่อจัดหาหอพักให้ลูกสาวที่กำลังจะเข้าเรียนเนติบัณฑิต จึงขึงเส้นลวดรอบที่นาสามด้านเว้นด้านที่มีกระต๊อบซึ่งนายใบขึงลวดล้อมรอบกระต๊อบไว้ แล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าจากบ้านเข้าเส้นลวดทั้งหมด เพื่อป้องกันคนร้าย คืนเกิดเหตุนายจกเข้ามาในนาข้าวของนายใบเพื่อจะจับปลา แต่สัมผัสเส้นลวดที่มีกระแสไฟฟ้าถึงแก่ความตาย ส่วนนายน้อย นายเป็ด และนายห่านเข้ามายังที่นาผ่านด้านที่นายใบไม่ได้ขึงลวดไว้เพื่อลักทรัพย์ที่เก็บไว้ในกระต๊อบ โดยนายน้อยเพียงคนเดียวถือชะแลงมาด้วย 1 อัน ระหว่างใช้ชะแลงงัดแงะประตูกระต๊อบ นายน้อยสัมผัสลวดที่มีกระแสไฟฟ้าซึ่งขึงรอบกระต๊อบถึงแก่ความตาย นายเป็ดและนายห่านเห็นดังนั้นก็หลบหนีไป ระหว่างนั้น นางส้มภริยาของนายใบตื่นขึ้นมาเห็นทั้งสองคนวิ่งหนีไปหลังไวๆ จึงคว้าปืนลูกซองซึ่งเหน็บไว้ที่ฝาเรือนยิงไป 3 นัด ถูกนายห่านที่บริเวณหลังได้รับบาดเจ็บ ส่วนนายเป็ดหลบหนีไปได้
----------ให้วินิจฉัย นายใบและนางส้มมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใดหรือไม่----------ธงคำตอบ แม้ขณะเกิดเหตุนายจกผู้ตายจะเข้าในนาของนายใบเพื่อลักจับปลาอันเป็นการละเมิดต่อกฎหมาย และถ้านายใบพบเห็นย่อมมีสิทธิที่จะป้องกันทรัพย์สินของตนเองได้ก็ตาม แต่กระแสไฟฟ้าที่นายใบปล่อยผ่านเส้นลวดที่ล้อมรอบที่นาย่อมเป็นอันตรายร้ายแรงโดยสภาพซึ่งสามารถทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายได้ ส่วนทรัพย์สินของนายใบเป็นเพียงปลาในนาข้าวมูลค่าไม่มาก การปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าเส้นลวดเพื่อป้องกันทรัพย์สินของนายใบดังกล่าวย่อมไม่ได้สัดส่วนกัน การกระทำของนายใบจึงเป็นการป้องกันสิทธิของตนที่เกินสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69 นายใบจึงมีความผิดฐานมิได้มีเจตนาฆ่าแต่ทำร้ายนายจกจนเป็นเหตุให้นายจกถึงแก่ความตาย ตามมาตรา 290 วรรคแรก ประกอบมาตรา 69 (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6490/2548)
----------การที่นายน้อยกับพวกบุกรุกเข้าไปที่กระต๊อบซึ่งเป็นที่พักผ่อนและเก็บทรัพย์สินของนายใบในยามวิกาลเพื่อลักทรัพย์โดยมีชะแลงเป็นเครื่องมือ แต่นายน้อยสัมผัสเส้นลวดที่มีกระไฟฟ้าซึ่งนายใบขึงรอบกระต๊อบถึงแก่ความตายเสียก่อน มิฉะนั้นนายน้อยกับพวกย่อมลักทรัพย์ไปได้ นับได้ว่าเป็นภยันตรายที่จะเกิดแก่ทรัพย์สินของนายใบใกล้จะถึงแล้ว ถ้านายใบไปพบเห็นเข้าย่อมมีสิทธิกระทำเพื่อป้องกันทรัพย์สินของตนได้ ดังนั้น การกระทำของนายใบจึงเป็นการป้องกันสิทธิของตนโดยชอบด้วยกฎหมายและพอสมควรแก่เหตุ นายใบไม่มีความผิด (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1923/2519)
----------สำหรับนางส้มนั้น แม้การที่นายห่านกับพวกเข้ามาในบริเวณกระต๊อบที่เก็บทรัพย์สินของนางส้มในเวลากลางคืนโดยไม่มีเหตุอันสมควรอันเป็นการละเมิดต่อกฎหมายก็ตาม แต่นางส้มเห็นนายห่านกับพวกขณะกำลังวิ่งหนีออกไป เหตุละเมิดดังกล่าวจึงผ่านพ้นไปแล้ว ประกอบกับนายห่านไม่มีอาวุธติดตัวมาในที่เกิดเหตุ นางส้มจึงไม่จำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือผู้อื่นให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายเพราะภยันตรายผ่านพ้นไปแล้ว การที่นางส้มใช้อาวุธปืนยิงนายห่านด้านหลังขณะกำลังวิ่งหนี จึงมิใช่กระทำเพื่อป้องกันตามมาตรา 68 เมื่อปืนเป็นอาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรงซึ่งนางส้มย่อมเล็งเห็นได้ว่าหากกระสุนปืนถูกนายห่านย่อมเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เมื่อนายห่านเพียงได้รับบาดเจ็บ การกระทำของนางส้มจึงไม่บรรลุผล นางส้มมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามมาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 แล้ว (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5638/2533)
118/55 หมู่ที่ 1 ตำบลท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 90110 โทร 084-1356583 หรือ 098-0104870 E-mail: lawlawhatyai@gmail.com
วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ฟ้องซ้อน หลักกฎหมาย ป.วิ.พ. มาตรา 173 บัญญัติว่า นับแต่เวลาที่ได้ยื่นฟ้องแล้วคดีนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาและผลแห่งการนี้ ...
-
ลักษณะของการโอนสิทธิเรียกร้อง เป็นกรณีที่เจ้าหนี้แสดงเจตนาโอนหนี้หรือสิทธิเรียกร้องให้ลูกหนี้แก่บุคคลอื่น มีผลให้บุคคลผู้รับโอนเข้ามาเป็น...
-
คำพิพากษาฎีกาที่ 3887/2533 ฟ้องเท็จ จำเลยเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมในคดีซึ่งพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์เป็นจำเลยในข้อหาปลอมและใช้เอกสารปลอม ...
-
สรุปมาตราสำคัญพระธรรมนูญศาลยุติธรรม (ฉบับเตรียมสอบ) การเป็นผู้ทำการแทนตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลในศาลแขวงหรือศาลจังหวัด ม.9 ว...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น