วิเคราะห์ กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วยเรื่อง ...นิติกรรม....
กฎหมายแพ่ง คือ เป็นกฎหมายที่วางระเบียบความเกี่ยวพันระหว่างบุคคลเกี่ยวกับสถานภาพ
สิทธิ และหน้าที่ของบุคคลตามกฎหมาย เช่น กฎหมายว่าด้วยนิติกรรม เอกเทศสัญญา
ทรัพย์สิน ครอบครัว มรดก แต่งงาน
ประเภทของกฎหมาย แบ่งตามความสัมพันธ์ ก็คือ กฎหมายเอกชน คือ
กฎหมายที่บัญญัติถึงความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนกับเอกชนด้วยกัน มีลำดับศักดิ์เทียบเท่า กฎหมายพระราชบัญญัติ คือ
เป็นกฎหมายที่ตราขึ้นโดยฝ่ายนิติบัญญัติ
ซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือคณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ซึ่งมีลักษณะของการนำไปใช้ ก็คือ กฎหมายสารบัญญัติ เป็นกฎหมายที่ว่าด้วยสิทธิ หน้าที่
และความรับผิดชอบของบุคคล โดยจะกำหนดการกระทำที่เป็นองค์ประกอบแห่งความผิดอันจะก่อให้เกิดสภาพบังคับ
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน นอกจากเป็นเครื่องมือในการปกป้องคุ้มครองผลประโยชน์หรือในการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองแล้ว ยังได้บัญญัติต่อไปถึงความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจากการกระทำระหว่างบุคคลต่อบุคคล ที่มีความผูกพันกันในทางกฎหมายว่า
จะมีผลผูกพันหรือการก่อนิติสัมพันธ์กันอย่างไร
วิเคราะห์กฎหมายที่มีบทบาทในชีวิตประจำวันในที่นี้พูดถึง
กฎหมายแพ่งเกี่ยวกับนิติกรรม นิติกรรม หมายถึง
การใดๆ อันทำลงไปโดยชอบด้วยกฎหมายและด้วยใจสมัครมุ่งโดยตรงต่อการผูกสัมพันธ์ระหว่างบุคคล เพื่อจะก่อการเปลี่ยนแปลง โอน
สงวน หรือระงันซึ่งสิทธิ์
องค์ประกอบนิติกรรม
นิติกรรมจะต้องเกิดจากการกระทำของบุคคล
และประกอบด้วยหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
1. ต้องมีการแสดงเจตนาของบุคคล หมายความว่า
บุคคลนั้นกระทำสิ่งใดลงไปเพื่อต้องการผลอย่างใดอย่างหนึ่งทางกฎหมาย หรือมีความประสงค์ที่จะก่อความสัมพันธ์ขึ้นตามกฎหมาย เช่น
การทำสัญญา เป็นต้น
2. จะต้องเป็นการกระทำด้วยความสมัครใจ กล่าวคือ
เมื่อมีการแสดงเจตนากระทำแล้ว
การกระทำนั้นจะต้องประกอบด้วยความสมัครใจอีกด้วย เช่น
ไม่ใช่การกระทำที่เกิดจากการข่มขู่หรือใช้กำลังบีบบังคับไม่ใช่การกระทำขณะไม่มีสติสัมปชัญญะ
ซึ่งอาจจะเป็นผลทะให้นิติกรรมไม่มีความสมบูรณ์ได้
3. ต้องเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย
ผลของนิติกรรมนั้นกฎหมายยอมรับในการคุ้มครองและบังคับบัญชาให้เกิดผลตามที่เจตนากระทำ
ฉะนั้นการกระทำดังกล่าวนั้นจึงจะต้องการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายด้วย เช่น
ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย
หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
เป็นต้น
4. จะต้องเป็นการที่กระทำที่มีเจตนาให้เกิดผลตามกฎหมาย ผลตามกฎหมายของนิติกรรมนี้มีความสำคัญมาก คือ
เมื่อนิติกรรมที่ได้ทำขึ้นมีความสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้วจะเกิดผลซึ่งเรียกว่า ความเคลื่อนไหวแห่งสิทธิ
ความไม่สมบูรณ์ของนิติกรรม นิติกรรมที่ทำขึ้นเองอาจจะเกิดความบกพร่องที่เป็นผลทำให้นิติกรรมนั้นไม่สมบูรณ์
ซึ่งตามกฎหมายเรียกความไม่สมบูรณ์ของนิติกรรมนี้ว่า โมฆะกรรม
และ โมฆียะกรรม ในทางกฎหมายสองคำนี้มีความแตกต่างกันมาก ดังนี้
โมฆะกรรม หมายถึง การกระทำที่สูญเปล่า เสียเปล่าไม่เกิดผลตามกฎหมายขึ้นมา ฉะนั้น
เมื่อกล่าวถึงคำว่านิติกรรมที่เป็นโมฆะ
หมายถึง
นิติกรรมนั้นไม่เกิดผลหรือไม่มีความผูกพันในอันที่จะบังคับตามกฎหมายได้แต่อย่างไร
นิติกรรมที่เป็นโมฆะนั้น
บุคคลทุกคนสามารถกล่าวอ้างหยิบยกขึ้นมาอ้างได้ว่า นิติกรรมนั้นเป็นโมฆะ
โมฆียะกรรม เป็นนิติกรรมที่มีความสมบูรณ์อยู่ สามารถใช้บังคับกันได้ตามกฎหมาย
แต่อยู่ในเงื่อนไขที่ว่าอาจถูกยกเลิกซึ่งตามกฎหมายเรียกว่า การบอกล้าง
นิติกรรมที่เป็นโมฆียะ
เมื่อการบอกล้างแล้วโมฆียะกรรมนั้นจะต้องเป็นโมฆะ
ซึ่งแตกต่างกับโมฆะกรรมที่ไม่ต้องมีการบอกล้างแต่อย่างใดเลย เพราะโมฆะกรรมนั้นไม่มีผลในกฎหมายเกิดขึ้นเลย
ในที่นี้จะขอยกตัวอย่างการทำนิติกรรมที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน
เช่น นิติกรรมที่ตกเป็นโมฆะ นิติกรรมที่ทำไม่ถูกต้องตามแบบที่กฎหมายบังคับไว้ เช่น การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่
ที่ดินหรือทรัพย์ที่ติดกับที่ดิน
เช่น บ้าน
ตามกฎหมายคู่สัญญาต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ได้แก่
เจ้าพนักงานที่ดิน ณ สำนักงานที่ดิน ถ้ามิได้ปฏิบัติตามที่กฎหมายได้กำหนดไว้ กล่าวคือ
ไม่ถูกต้องตามแบบ เช่น ทำสัญญาซื้อขายกันเอง
โดยมิได้ทำการจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ สัญญาดังกล่าวจะตกเป็นโมฆะ
ถือว่าไม่มีการทำสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์หรือที่ดินกันแต่อย่างใดเลย
สรุป การกระทำของบุคคลในชีวิตประจำวันนั้นเมื่อมองดูเผินๆ แล้ว
อาจจะเข้าใจว่า เป็นการกระทำ นิติกรรม
แต่ความจริง
แม้การกระทำหลายอย่างในชีวิตประจำวันจะเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายแต่ถ้าผู้กระทำไม่มีความประสงค์ที่จะให้มีความผูกพันหรือการบังคับกันตามกฎหมายอย่างจริงจังแล้ว การกระทำดังกล่าวนั้นก็หากนิติกรรมไม่ เช่น
การกระทำตามอัธยาศัยไมตรีนัดเพื่อนไปดูภาพยนตร์ หรือนัดไปรับประทานอาหารร่วมกัน แม้อีกฝ่ายหนึ่งจะไม่ไปตามที่นัดไว้ ตามกฎหมายก็ไม่ถือว่าเป็นการผิดสัญญา
เพราะการกระทำดังกล่าวยังไม่ถึงเกณฑ์ที่เรียกว่าเป็นการผูกนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคลแต่อย่างใด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น