คุณสมบัติของผู้ที่จะรับบุตรบุญธรรม
และผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรม
1. ผู้รับบุตรบุญธรรมต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี
และต้องมีอายุแก่กว่าผู้จะเป็นบุตรบุญธรรม
อย่างน้อย 15 ปี
2. ผู้เป็นบุตรบุญธรรมที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี
ต้องให้ความยินยอมด้วยตนเอง
3. ผู้เป็นบุตรบุญธรรมที่เป็นผู้เยาว์ต้องได้รับความยินยอมจาก บิดา
และมารดา หรือผู้ปกครอง
4. ผู้จะรับบุตรบุญธรรม หรือผู้จะเป็นบุตรบุญธรรม
ถ้ามีคู่สมรสอยู่ต้องได้รับความยินยอมจาก
คู่สมรสก่อน
5. ผู้เยาว์ที่เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลใดอยู่จะเป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่นอีก
ในขณะเดียวกันไม่ได้เว้นแต่เป็นบุตรบุญธรรมของคู่สมรสของผู้รับบุตรบุญธรรม
ขั้นตอนการปฏิบัติการจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม
1. กรณีบุตรบุญธรรมเป็นผู้เยาว์ ต้องผ่านขั้นตอนของคณะกรรมการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมก่อนโดย
-
กรณีที่ผู้ขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมมีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพมหานคร
หรือต่างประเทศให้ยื่นคำขอ
พร้อมหนังสือแสดงความยินยอมของบุคคลผู้มีอำนาจให้ความยินยอม ณ
ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็น
บุตรบุญธรรม
กรมประชาสงเคราะห์
-
กรณีมีภูมิลำเนาอยู่ในต่างจังหวัด
ให้ยื่นคำขอพร้อมหนังสือแสดงความยินยอมของบุคคลผู้มีอำนาจ
ให้ความยินยอม ณ
ที่ว่าการอำเภอ กิ่งอำเภอ หรือที่ทำการประชาสงเคราะห์จังหวัด
*
เมื่อคณะกรรมการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมอนุมัติให้มีการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมได้
ให้นำหนังสือแจ้ง
คำอนุมัติของคณะกรรมการดังกล่าวไปร้องขอจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม ณ
ที่ว่าการอำเภอ กิ่งอำเภอ
หรือเขต แห่งใดก็ได้
ไม่ต้องผ่านขั้นตอนของคณะกรรมการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม
สิทธิตามกฎหมายของเด็กที่เป็นบุตรบุญธรรม
บิดา
หรือมารดาบุญธรรมกับบุตรบุญธรรมมิใช่สายเลือดเดียวกัน แต่เกิดจากความยินยอมพร้อมใจกัน
ระหว่างบิดาหรือมารดาบุญธรรม กับ
บิดามารดาที่แท้จริงของเด็ก และเด็กที่เป็นบุตรบุญธรรมด้วยเหตุผลบางประการ
เช่นเพื่ออนาคตของเด็ก หรือเพื่อให้ผู้รับบุตรบุญธรรมที่ไม่มีบุตรได้มีบุตรสมใจปรารถนา การจดทะเบียนรับเด็กเป็น
บุตรบุญธรรม
กฎหมายจะให้ความคุ้มครองสิทธิเด็กให้มีฐานะอย่างเดียวกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของบิดา
หรือ
มารดาบุญธรรมทันทีนับแต่วันที่จดทะเบียน เช่น มีสิทธิได้รับมรดก
มีสิทธิใช้นามสกุลของบิดา
หรือมารดาบุญธรรม
โดยที่บิดา หรือมารดาบุญธรรมไม่มีสิทธิที่จะมารับมรดกของบุตรบุญธรรม
นอกจากนี้แล้ว
บุตรบุญธรรมยังไม่เสียสิทธิที่พึงมีตามกฎหมายในครอบครัวเดิมแต่อย่างใด คือ ยังมีสิทธิรับมรดก
ของบิดามารดาที่แท้จริงได้
และบิดามารดาที่แท้จริงมีสิทธิไปมาหาสู่เยี่ยมเยียนได้ตามสมควร
ทั้งนี้กฎหมายยังคุ้มครองเด็กโดยบิดา
หรือมารดาบุญธรรมจะเลิกรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมได้ต้องได้รับความยินยอม
จากบิดามารดาที่แท้จริงเสียก่อน
และจะฟ้องให้มีการเลิกรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมโดยไม่มีเหตุอันควรไม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น